เวลาพูดถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ แน่นอนว่าขึ้นชื่อเรื่องเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอยู่แล้ว แถมยังมีหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น
บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และอีกมากมาย ซึ่งผลไม้แต่ละอย่างที่พูดไปล้วนดีต่อสุขภาพ และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
แต่วันนี้เรามีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อีกหนึ่งชนิดที่อยากจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก นั่นก็คือ มากิ เบอร์รี่ หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง ส่วนบางคนก็อาจจะพึ่งเคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีผลไม้ชนิดนี้อยู่บนโลก จริง ๆ แล้ว มากิ เบอร์รี่ น่าสนใจและมีประโยชน์ไม่แพ้
เบอร์รี่ชนิดอื่น ๆ เลย วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับ มากิ เบอร์รี่ ให้มากขึ้นกัน
มากิเบอร์รี่ (Maqui berry) คืออะไร หน้าตาเป็นยังไง?
มากิ เบอร์รี่ถูกจัดให้เป็นพืชตระกูลดอก ในสกุล Aristotelia ซึ่งเป็นพืชในกระกูลเดียวกับพวกบลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ เป็นพืชที่ใช้เวลาในการปลูกหลายปี ลักษณะของผลมากิ เบอร์รี่ จะเป็นผลไม้ลูกเล็ก ๆ สีม่วงเข้ม รูปร่างคล้ายกับบลูเบอร์รี่
แต่ผลเล็กกว่า และผิวจะมีความมันกว่าบลูเบอร์รี่ ส่วนรสชาติจะมีรสตั้งแต่เปรี้ยว เปรี้ยวอมหวาน ไปจนถึงหวาน ขึ้นอยู่กับระดับความสุก
มากิเบอร์รี่ (Maqui berry) มีประวัติเป็นมายังไง?
มากิ เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ชาวอินเดียนแดงชนเผ่ามาปูเช่ในแถบทวีปอเมริกาใต้ รู้จักและทานกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี ชนเผ่ามาปูเช่ยกย่องให้มากิ เบอร์รี่ เป็นลัญลักษณ์ของความสดชื่น มีชีวิตชีวา ความแข็งแรง และสุขภาพที่ดี นอกจากนั้น ชาวชนเผ่ามาปูเช่ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับมากิ เบอร์รี่อีกว่า มีพลังอำนาจที่ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทำให้มากิ เบอร์รี่ถูกเลือกมาเป็นส่วนผสมของอาหารเสริม ซึ่งในปัจจุบัน มากิ เบอร์รี่จะปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคปาตาโกเนี้ยนของประเทศชิลีและประเทศอาร์เจนตินา ผลมากิ เบอร์รี่ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปอบแห้ง ทำแยม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่ม
มากิเบอร์รี่ (Maqui berry) น่าสนใจยังไง?
ต้องบอกก่อนว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่คือมีความน่าสนใจทุกชนิดอยู่แล้ว แต่เจ้ามากิเบอร์รี่ เป็นพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในโลกเทียบกับน้ำหนัก มากกว่า อาซาอิเบอร์รี่ 5 เท่า และมากกว่าโกจิเบอร์รี่ถึง 9 เท่า ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กลุ่มแอนโทไซยานิน ชื่อเดลฟินิดิน มี Anthocyanidin สูงสุด 35% และ Polyphenol รวม 65% ซึ่งมีฤทธิ์สูงมาก นอกจากนี้ยังอุดมด้วยแร่ธาตุแคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม กรดไขมันโอเมก้า 6 และ 9 รวมไปถึงวิตามินอีกมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 1 และ วิตามินบี 3 อีกด้วย
ประโยชน์ของมากิเบอร์รี่ (Maqui berry) มีอะไรบ้าง?
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดในโลก
มากิเบอร์รี่ถือเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดในโลก มีค่า ORAC score สูงมาก ซึ่งสามารถช่วยลดระดับไขมันในกระแสเลือดได้ในปริมาณสูงกว่า แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหมด
ปกป้องและบำรุงสายตา
ในมากิเบอร์รี่มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตาอย่างหนัก ช่วยลดอาการตาแห้ง ช่วยปกป้องดวงตาไม่ให้ถูกแสงทำลายเซลล์ให้เสื่อม ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เลยก็ว่าได้
ช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
ส่วนเนื้อของมากิเบอร์รี่มีสารที่เป็นช่วยลดไขมันเลว เป็นผลไม้ที่ช่วยยับยั้งความอยากอาหาร ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินให้สมดุล และยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้ด้วย
Superfood ด้านผิวพรรณ บำรุงผิวให้สดใส
ในมากิเบอร์รี่อุดมด้วยวิตามินซี ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใสและยังช่วยลดริ้วรอย ช่วยฟื้นฟูผิวที่ต้องเจอกับมลภาวะ สารเคมีต่าง ๆ จากการแต่งหน้า ที่สำคัญคือป้องกันผิวจากการโดยทำร้ายของรังสียูวีได้เป็นอย่างดี
ชะลอความเสื่อมของร่างการและผิวพรรณ
สารแอนโธไซยานินที่มีอยู่ในมากิเบอร์รี่ จะช่วยต้านความเสื่อมของร่างกาย ชะลอความชรา ทำให้แก่ช้าลงนั่นเอง ช่วยฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนในผิว ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูลบเลือนลง ให้ผิวแลดูอ่อนกว่าวัย
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เสริมสร้างระบบลำไส้ที่สมดุล
มากิเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูง มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลภายในลำไส้ ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในร่างกาย ระบบลำไส้ของคนเรามีแบคทีเรียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมหาศาล รวมทั้งไวรัส และจุลินทรีย์ขนาดเล็กมากมาย ซึ่งความสมดุลของระบบในลำไส้จะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สมอง หัวใจ
หวังว่าเราจะทำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้าผลไม้มหัศจรรย์อย่างมากิเบอร์รี่กันมากขึ้น เพราะเป็นผลไม้ลูกเล็กที่ให้ประโยชน์มากมายจนน่าตกใจ ที่สำคัญทานง่ายรสชาติคล้าย ๆ กับบลูเบอร์รี่ จะทานสด ๆ ทานกับโยเกิร์ต คั้นเป็นน้ำ หรือนำไปกวนเป็นแยมก็ได้เหมือนกัน อร่อยแถมได้สุขภาพ สำหรับคนที่เบื่อผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดอื่น ๆ แนะนำให้ลองทานมากิเบอร์รี่ดู รับรองว่าคุณประโยชน์ไม่แพ้กันเลย อย่าลืมไปหามาทานกันดูน้า