คามูคามู (Camu Camu) สุดยอดผลไม้บำรุงผิวพรรณ ขวัญใจสาว ๆ

 

ทุกวันนี้มีแต่คนหันมาดูแลสุขภาพ อาหารคลีนเอย ออกกำลังกายเอย ได้รับความสนใจ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่นอกจากด้านสุขภาพแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทั้งหนุ่ม ๆ สาว ๆ ให้ความสำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ ผิวพรรณ ความสวยความงาม แน่นอนว่าทุกคนต่างก็อยากดูดีกันทั้งนั้น วันนี้เราเลยขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ คามูคามู ผลไม้ที่มีประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิว ตัวช่วยยอดฮิตที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ

 

คามูคามู (Camu Camu) คืออะไร?

คามู คามู (Camu Camu) เป็นผลไม้ผลไม่ใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว มีสีม่วงแดงเข้มคล้ายผลเชอร์รีเมื่อสุก ให้รสชาติเปรี้ยว เป็นพืชในวงศ์ Myrtaceae มีลักษณะเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กความสูงประมาณ 2 – 3 เมตร ปัจจุบันนิยมนำผลคามู คามู มาทำเป็นน้ำผลไม้ ไอศกรีม และหมักเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

คามูคามู (Camu Camu) พบมากในเขตไหน?

คามูคามู มีแหล่งกำเนิดในพื้นที่ริมน้ำของเขตป่าฝนแถบอะเมซอน ซึ่งเป็นเขตติดต่อกันหลายประเทศ ทั้งบราซิล เวเนซุเอลา โคลัมเบีย และเปรู คามูคามูเป็นผลไม้ที่พบได้ไม่ยากในอเมริกาใต้

 

คุณค่าทางโภชนาการของคามูคามู (Camu Camu)

คามูคามูเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ๆ สูงถึง 2,400-3,000 มิลลิกรัมต่อเนื้อผลสด 100 กรัมขึ้นอยู่กับความสุก ซึ่งมากกว่าปริมาณของวิตามินซีในส้มถึงประมาณ 60 เท่า และมากกว่ามะนาวถึงประมาณ 58 เท่า นอกจากนั้นคามูคามูยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีก

โปรตีน                   0.4          กรัม

คาร์โบไฮเดรต        5.9          กรัม

แป้ง                       0.44        กรัม

น้ำตาล                   1.28        กรัม

ไฟเบอร์                 1.1          กรัม

ไขมัน                     0.2          กรัม

แคลเซียม               15.7        มิลลิกรัม

แมงกานีส              2.1          มิลลิกรัม

โพแทสเซียม          83.9       มิลลิกรัม

โซเดียม                  11.1        มิลลิกรัม

และในคามูคามู ยังมีสารอาหารสำคัญอื่น ๆ ทั้งเบตา-แคโรทีน แมงกานีส ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี อีกด้วย เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารครบถ้วนจริง ๆ แถมวิตามินซียังสูงปี๊ด ไม่แปลกที่จะบำรุงผิวพรรณให้สดใสได้

 

ประโยชน์ของคามูคามู (Camu Camu) มีอะไรบ้าง?

ช่วยป้องกันไข้หวัด

อย่างที่บอกว่า คามูคามู เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ช่วยป้องกันไข้หวัดได้ ชาวเปรูนิยมดื่มน้ำคั้นจากผลคามูคามู เพื่อแก้โรคหวัด

ช่วยให้หัวใจและไตทำงานได้อย่างปกติ

โพแทสเซียมในคามูคามู จะเข้าไปช่วยให้หัวใจและไตทำงานได้อย่างปกติ

ป้องกันการเสื่อมของกล้ามเนื้อและระบบประสาท

ในคามูคามูมีกรดอะมิโนจำเป็นอย่าง วาลีน (Valine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง วาลีนทำหน้าที่ป้องกันการเสื่อมของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ทำให้ร่างกายแข็งแรง

ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต

ลิวซีน (Leucine) เป็นกรดอะมิโนจำเป็นอีกชนิดที่มีในคามูคามูและเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องรับจากการทานอาหารเท่านั้น ลิวซีนมีความจำเป็นต่อการเติบโต การซ่อมแซมกล้ามเนื้อ การซ่อมแซมกระดูก และมีส่วนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต

 

ช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญไขมัน

นอกจาก วาลีนและลิวซีน แล้วในคามูคามูยังมีกรดอะมิโนจำเป็นอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ ซีรีน (Serine) ถึงจะเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์เองได้ แต่ก็พบได้ในคามูคามู นม ถั่ว มีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของเซลล์ ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมัน ช่วยย่อยโปรตีนและโพลีเป็บไทด์ให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้

ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ

คามูคามู มีฟลาโวนอยด์อยู่หลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ บางชนิดสามารถต้านทานอนุมูลอิสระได้ดีกว่า
วิตามินซีด้วยซ้ำ มีส่วนช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดมะเร็งด้วย

ต้านไวรัสและเชื้อโรค

กรดแกลลิกที่พบในคามูคามู มีสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านไวรัสและเชื้อโรคหลายชนิด

บำรุงผิวพรรณ ชะลอวัย

ข้อนี้สำคัญมาก ๆ ในคามูคามู วิตามิน C วิตามินE เบต้า-แคโรทีน และซีลีเนียม ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายจากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย เป็นสาเหตุของความเสื่อมโทรมก่อนวัย ช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ลดปัญหาผิวพรรณเหี่ยวย่น ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใส

 

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการทานคามูคามู (Camu Camu) !!

ถึงแม้ว่าคามูคามูจะเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังในการทานอยู่เหมือนกัน

อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร

เนื่องจากในคามูคามูมีปริมาณของวิตามินซีที่สูงมาก ๆ ทำให้อาจไปเพิ่มปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารได้

อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องร่วงรุนแรงได้

คนเรามีปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน ซึ่งถ้าได้รับมากจนเกินไป ร่างกายก็จะทำการกำจัดส่วนเกินออกทางปัสสาวะและอุจจาระที่จะมีความถี่มากขึ้น จนถึงขั้นท้องร่วงรุนแรงเลยก็ได้

อาจทำให้รู้สึกหิวบ่อย และนอนไม่หลับ

คามูคามูมีสารอาหารที่ไปช่วยเพิ่มเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ควบคุมความหิวและอารมณ์ ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า นอนไม่หลับ และมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้นาน ๆ จะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้

อาจทำให้เกิดภาวะธาตุเหล็กเกิน

วิตามินซีมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก เมื่อทานคามูคามูที่มีวิตามินสูง ๆ เข้าไปก็จะมีผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกายมากขึ้นไปด้วย ถ้าหากธาตุเหล็กมีปริมาณมากกว่าที่ร่างกายต้องการ จะส่งผลเสียต่อตับและไต

 

ปัจจุบันคามูคามู ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งนำมาเป็นส่วนผสมในอาหารเสริม นำมาเป็นส่วนผสมของสกินแคร์
ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวคามูคามูมีประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและผิวพรรณมากจริง ๆ แต่ก็ต้องทานในปริมาณที่เหมาะสมด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียตามมาภายหลัง