ประโยชน์ของบีทรูท (Beetroot Benefits)

บีทรูท (Beetroot)

บีทรูท พืชทรงพลังที่มีการเริ่มเพาะปลูกตั้งแต่สมัยยุคโรมัน โดยนำมาใช้เป็นสมุนไพรในการปรุงอาหารและยา จนกระทั่งเริ่มมาได้รับความนิยมมากในปัจจุบันในกลุ่มผู้รักสุขภาพและนักกีฬา จากการวิจัยได้ค้นพบว่าบีทรูทนั้น มีประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารในตัวสูงมาก ประกอ­­­­บด้วย ไฟเบอร์ ,โฟเลต(วิตามิน B9),วิตามิน C , แมงกานิส, โพแทสเซียม, ธาตุเหล็ก, ไนเตรต, และเบทาอีน

beetroot benefit

ประโยชน์ของบีทรูท

1. ช่วยบำรุงหัวใจและลดความดันโลหิต
จากการวิจัยพบว่าคนที่ดื่มน้ำบีทรูททุกวันวันละ 1 แก้ว ทำให้ความดันในเลือดต่ำลง โดยผลลัพท์จากกลุ่มผู้ทดลองที่ดื่มน้ำบีทรูททำให้ ความดันต่ำลงกว่า 5.2 มิลิลเมตรปรอท เพราะไนเตรต สารประกอบสำคัญที่พบมากในบีทรูท (ภายหลังเปลี่ยนเป็นไนตริกออกไซด์) เป็นตัวการสำคัญในการช่วยในขยายหลอดเลือดทำให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยการป้องกันและบำรุงหัวใจ

2. ช่วยเสริมสร้างความอึดและสมรรถภาพของร่างกาย
นักกีฬาบางคนได้ใช้เคล็ดลับในการดื่มน้ำบีทรูทก่อนการลงเล่นกีฬาหรือการแข่งขันเพื่อเพิ่มความอึด ทนทานให้กับกล้ามเนื้อในร่างกาย โดยสารไนเตรตในบีทรูทนั้นจะไปช่วยกล้ามเนื้อในการดูดซึมออกซิเจนซึ่งร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการออกกำลังกาย โดยจากการศึกษาโดยให้นักปั่นจักรยานดื่มน้ำบีทรูท 2 แก้วต่อวันพบว่า เขาสามารถลดเวลาที่ใช้ในการปั่นจักรยาน 10 กิโลเมตรลงได้ถึง 12 วินาที บีทรูทยังเสริมสร้างทำให้กล้ามเนื้อมีพลังงานมากขึ้นอีกด้วย บีทรูทจึงเป็นที่นิยมโดยเฉพาะนักกีฬาและนักวิ่งที่ต้องใช้พลังงานมากและยาวนาน

3. ช่วยเสริมสร้างสรรถภาพทางเพศ
ในยุคโรมัน ได้มีการนำบีทรูทมาใช้เป็นยาเพื่อเพิ่มอารมณ์ทางเพศ เนื่องจากในบีทรูทประกอบด้วย โบรอน ที่ช่วยในการเสริมสร้างฮอร์โมนทางเพศชาย รวมไปถึงไนเตรตที่มีส่วนช่วยในการไหลเวียนของเลือด ซึ่งทำให้เลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงในอวัยวะเพศได้มากยิ่งขึ้น

4. ป้องกันภาวะโลหิตจาง
ธาตุเหล็กที่พบในได้ในบีทรูท เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง โดยธาคตุเหล็กมีส่วนช่วยในการนำออกซิเจนไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย

5. บำรุงตับและช่วยชำระล้างสิ่งตกค้าง
จากการทดลองโดยเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มของหนู 2 กลุ่ม พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดจากบีทรูทนั้น มีความเสียหายของตับน้อยกว่า กลุ่มของหนูที่ไม่ได้รับ หรืออธิบายง่ายๆว่าบีทรูทนั้นมีส่วนช่วยในการทำงานชำระสิ่งตกค้างจากตับให้ดีขึ้น ส่งผลให้ตับมีสุขภาพดีขึ้น เพราะสารแอนตี้ออกซิแดนท์ วิตามินเอ บี และธาตุเหล็กในบีทรูท ช่วยในการป้องกันการอักเสบ และ Oxidative stress (ภาวะความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ถูกทำลาย) รวมถึงสารเบทานินที่พบในบีทรูท มีส่วนสำคัญในการชำระสิ่งตกค้างและป้องกันการอักเสพของร่างกาย โดยเฉพาะในตับ ซึ่งสารเบทานินมีส่วนช่วยในการชำระล้างสารท็อกซิน ป้องกันไขมันก่อตัว รวมไปถึงการเสริมสร้างโปรตีนที่ถูกทำลายในตับจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ